ทำแคบหมูขายหารายได้เสริมหลังเลิกงาน
ทำแคบหมูขายหารายได้เสริมหลังเลิกงาน การทำแคบหมูเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างหนึ่งที่ต้องการแปรรูปและถนอมอาหาร แต่ปัจจุบันการทำแคบหมูกลายเป็นธุรกิจที่สามารถทำเป็นอาชีพหลักหรือทำเพื่อหารายได้เสริมหลังเลิกงานได้ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าทำให้หนังหมูมีราคาสูงขึ้น เพราะหนังหมูเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำแคบหมูสำหรับคนที่สนใจและต้องการทำแคบหมูขายเป็นการหารายเสริมหลังเลิกงาน วันนี้ผู้เขียนมีวิธีทำแคบหมูมาฝากค่ะ ส่วนประกอบและวิธีทำแคบหมู เดิมแคบหมูเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่นิยมทานเป็นเครื่องเคียงคู่กับน้ำพริกหนุ่ม แคบหมูมี 2 ชนิดคือแบบที่มีมันติดซึ่งเป็นสูตรของทางภาคเหนือและแบบที่ไม่มีมันนิยมทานคู่กับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหรือก๋วยเตี๋ยวเรือ การทำแคบหมูในวันนี้เป็นสูตรของทางภาคเหนือค่ะคือเป็นแคบหมูติดมันมีวิธีและขั้นตอนการทำดังนี้ ส่วนประกอบและวิธีทำแคบหมู ส่วนประกอบ 1.หนังหมูซื้อจากร้านขายเนื้อหมูทั่วไป 3 กก 2.เกลือป่น 3 ช้อนโต๊ะ 3.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ 4.เครื่องปรุงรส 1 ช้อนชา วิธีทำแคบหมู 1.ทำความสะอาดหนังหมูโดยใช้มีดโกนขูดขนและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับหนังออกให้หมด 2.จากนั้นนำน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้น้ำเดือด(หรือจะต้มในกระทะก็ได้) 3.นำหนังหมูที่ทำความสะอาดไว้แล้วลงต้มจนสุก ตักขึ้นพักไว้ 4.หั่นหนังหมูให้มีขนาดกว้าง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 3-4 นิ้ว แล้วหมักหนังหมูด้วยเกลือป่น ซีอิ้วขาวและผงปรุงรสคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที 5.นำหนังหมูที่หมักไว้ตากแดดประมาณ 5-6 ชั่วโมง 6.จากนั้นนำหนังหมูมาทอดในน้ำมันร้อนๆใช้ไฟกลาง การใส่หนังหมูลงไปทอดไม่ควรใส่มากเกินไปเพราะหนังหมูที่ทอดจะพองตัวเบียดกัน 7.สูตรนี้เป็นการทำทานภายในครอบครัวหากต้องการทำขายหารายได้เสริมหลังเลิกงานให้เพิ่มปริมาณหนังหมูและส่วนผสมไปตามอัตราส่วน
งานถักโครเชต์งานอดิเรกที่น่าสนใจทำเพื่อหารายได้เสริม
งานถักโครเชต์งานอดิเรกที่น่าสนใจทำเพื่อหารายได้เสริม โครเชต์ งานฝีมือที่เชื่อว่าผู้หญิงเกือบจะทุกคนรู้จักและเคยทำมาบ้างแล้ว เพราะเป็นงานฝีมือที่มีหลายรูปแบบงานถักโครเชต์บางอย่างเรียนรู้และทำได้ง่ายคนส่วนใหญ่นิยมทำเป็นงานอดิเรกมากกว่าทำเพื่อหารายได้เสริม อุปกรณ์หลักๆของงานถักโครเชต์มีเพียงเข็มถักและด้ายหรือไหมพรมขนาดต่างๆที่สามารถเลือกใช้ให้กับเหมาะกับงานแต่ละประเภทแต่ละชนิด และยังเป็นงานฝีมือที่คนเลือกทำเพราะมีความรักและชื่นชอบเป็นส่วนตัวไม่เน้นทำเพื่อให้มีรายได้เสริม ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่ชื่นชอบงานฝีมือเหล่านี้ไม่สนใจประวัติความเป็นมาของงานถักโครเชต์ว่ามีความเป็นมาอย่างไร สำหรับคนที่สนใจวันนี้ผู้เขียนมีเกร็ดความรู้มาฝากค่ะ ประวัติความเป็นมาของงานถักโครเชต์ งานถักโครเชต์คืองานหัตถกรรมที่อาศัยทักษะฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างชิ้นซึ่งในอดีตไม่ได้เน้นการถักเพื่อเป็นอาชีพหรือหารายได้เสริม แต่ทำเพื่อใช้สอยเป็นหลักคำว่า “โครเชต์” มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่าตะขอ ซึ่งหมายถึงเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำของหรูหราใช้ในชีวิตประจำวัน งานถักโครเชต์เริ่มขึ้นที่ไอร์แลนด์เมื่อเกือบ 200 กว่าปีมาแล้ว ในช่วงทศวรรษ 1820 โดยมาดมัวแซล รีเอโก ลา บลองชาแดร์ ที่ค้นพบว่าการนำอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยของชาวไอริชมาถักลายลูกไม้แบบสเปนจะทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นจึงได้เรียนรู้และทดลองถักเป็นเวลาถึง 5 ปี จนทำให้เธอออกหนังสือลายถักโครเชต์แต่ไม่ได้รับการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายทำให้ชื่อเสียงของเธอไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่การตีพิมพ์หนังสือของเธอก็ทำให้มีศูนย์ถักโครเชต์อยู่ทั่วประเทศ เมื่อปี 1845 เริ่มมีการสอนถักโครเชต์ในโรงเรียน งานถักโครเชต์เริ่มแพร่หลายเมื่อมีการนำไปสอนแม่บ้านที่ยากจนเพื่อถักโครเชต์เป็นอาชีพและนำผลงานไปขายและยังได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากภรรยาของวุฒิสมาชิกซึ่งเธอมีบทบาทคอยช่วยเหลือคนยากจนโดยการเปิดอุตสาหกรรมโครเชต์จนทำให้กิจการรุ่งเรืองมีการส่งสินค้าไปขายยังลอนดอน ปารีส เวียนนา และอเมริกาใน ปี 1893
ถักโครเชต์เป็นงานอดิเรกที่ช่วยให้เรารู้สึกเพลิดเพลินพร้อมทั้งสร้างรายได้เสริมได้ด้วย
ถักโครเชต์งานงานพิเศษที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า “การถักโครเชต์” คืองานพิเศษหรืองานอดิเรกที่หลายคนใช้ทำเมื่อมีเวลาว่างเพื่อผ่อนคลายความเหงาหรือใช้เวลาว่างที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นอกจากนั้นงานถักโครเชต์ยังเป็นงานเสริมหรือทำเป็นงานพิเศษเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่อาจไม่ทราบว่างานถักโครเชต์ทุกประเภทมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดโดยเฉพาะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของทุกคน เป็นงานอดิเรกที่ช่วยให้เรารู้สึกเพลิดเพลินพร้อมทั้งสร้างรายได้เสริมได้ด้วย ประโยชน์ของงานถักโครเชต์นอกจากทำเป็นงานพิเศษเพื่อให้เกิดรายได้แล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อมเนื่องจากขณะที่เราใช้เวลาอยู่กับการถักโครเชต์ทำให้เราต้องใช้สมาธิ ได้ใช้ความคิดไตร่ตรองการทำงานที่อยู่ตรงหน้าทำให้สภาวะอารมณ์ของเราคงที่ จิตใจไม่ฟุ้งซ่านช่วยผ่อนคลายความเครียดความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ และยังช่วยคลายความเหงาซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น นอกจากประโยชน์ที่ผู้เขียนกล่าวมาแล้ว งานถักโครเชต์ยังเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม เช่นจัดตั้งเป็นกลุ่มอาชีพ กลุ่มงานฝีมือเพื่อให้คนในชุมชนได้ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ร่วมกัน นอกจากมีรายได้เกิดขึ้นแล้วการทำกิจกรรมยังช่วยให้ได้พบปะพูดคุย ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเกิดการแบ่งปันทำให้เกิดประโยชน์แบบองค์รวม คือมีผลต่อสังคมและมีผลต่อสภาพจิตใจทำให้สุขภาพภายสุขภาพใจของคนเราดีขึ้น ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนเคยมีสภาวะจิตใจที่สับสนวิตกกังวล ฟุ้งซ่าน และมีความเครียด ซึ่งอาจผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีที่แตกต่างกัน เช่นอ่านหนังสือ ทำสมาธิ ปลูกต้นไม้ ฟังเพลง หรือเลือกทำงานอดิเรกอื่นๆ เพื่อให้สภาวะอารมณ์และจิตใจกลับมาคงที่เป็นปกติหากทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือแก้ปัญหาไม่ได้
สูตรขนมปังเนยสดวิธีทำขนมปังเนยสดทำขายหารายได้พิเศษ
ทำขนมปังเนยสดขายหารายได้พิเศษ ขนมปังเป็นขนมหวานหรือของว่างสำหรับทานเล่นและยังเป็นอาหารเช้ามากคุณประโยชน์เมื่อทานคู่กับเครื่องดื่มเช่นน้ำผลไม้ นม หรือน้ำชา กาแฟ เพื่อให้อิ่มท้องก่อนออกจากบ้าน ขนมปังมีหลายประเภทบางสูตรยังมีวิธีและขั้นตอนการทำง่ายๆนอกจากทำทานได้แล้วยังสามารถทำขายหารายได้พิเศษอยู่กับบ้านหรือทำขายในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้ด้วย ขนมปังเนยสดเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากและยังเป็นขนมปังที่คนส่วนใหญ่นิยมทาน สำหรับคนที่สนใจสูตรจะนำไปทำขายหารายได้พิเศษหรือทำทานเองวันนี้ผู้เขียนมีสูตรและวิธีทำมาฝากค่ะ ส่วนผสมและวิธีทำขนมปังเนยสด ส่วนผสมขนมปังเนยสด 1.แป้งขนมปัง 450 กรัม 2.แป้งเค้ม 100 กรัม 3.น้ำตาลทราย 150 กรัม 4.เกลือป่น 1 ช้อนชา 5.ไข่ไก่ 1 ฟอง 6.เนยสด 90 กรัม 7.ยีสต์ 10 กรัม 8.น้ำเปล่า 320 กรัม วิธีทำสูตรขนมปังเนยสด 1.นำแป้งขนมปัง แป้งเค้ก และยีสต์ ใส่ภาชนะ 2.ละลายน้ำตาล เกลือป่นในน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ใส่ไข่ลงไปตีให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเป็นเนื้อเดียวกัน 3.นำส่วนผสมที่ได้เทใส่ลงไปแป้งทีละน้อยแล้วนวดแป้งพอเข้ากันแล้วเติมเนยสด นวดจนเนื้อแป้งเนียนได้ที่ 4.จากนั้นหมักก้อนแป้งโดยนำผ้ามาคลุมทิ้งไว้ 45 นาทีเพื่อไม่ให้ผิวแป้งแห้งและตัวแป้งขึ้นเป็นสองเท่า 5.เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วใช้มือตีแป้งเบาๆเพื่อไล่ลมหรือฟองอากาศ จากนั้นนำแป้งมาตัดเป็นก้อนขนาดตามที่ต้องการ หรือประมาณก้อนละ 50 กรัมคลึงแป้งเป็นก้อนกลมๆแล้วทิ้งไว้ 5-10 นาที 6.ตัดเนยเป็นชิ้นๆเล็กสำหรับทำไส้เมื่อใส่ไส้แล้วห่อแป้งให้มิดจากนั้นทิ้งไว้อีก 45 นาทีเพื่อให้แป้งขึ้น 7.ระหว่างรอแป้งให้เปิดไฟเตาอบใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียสรอไว้ เมื่อครบกำหนดแล้วนำแป้งที่ได้ไปอบ ใช้เวลาประมาณ 12 นาที ก็จะได้ขนมปังเนยสดไว้ทานหรือทำขายหารายได้พิเศษได้แล้วค่ะ 8.หากใครชอบทานหวานๆ จะโรยน้ำตาลไอซิ่งเพิ่มก็ได้ค่ะนอกจากได้ความหวานแล้วยังทำให้น่าทานยิ่งขึ้น
วิธีทําน้ําจิ้มปลาหมึกย่างรสเด็ดหารายได้เสริมทำที่บ้าน
น้ําจิ้มปลาหมึกย่างรสเด็ดหารายได้เสริมทำที่บ้าน ความอร่อยของอาหารประเภทปิ้งย่างปลาหมึกปิ้งย่างนอกจากเรื่องของการการปิ้งย่างแล้ว น้ำจิ้มสูตรเด็ดก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้อาหารเหล่านี้มีความอร่อยน่าทานยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ขายปลาหมึกปิ้งย่างเป็นการหารายได้เสริมทำที่บ้านอยู่แล้วคงมีสูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ดเป็นของตนเอง แต่หากเพิ่มน้ำจิ้มสูตรใหม่ๆเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกทานมากขึ้นนอกจากจะเป็นการสร้างจุดขายให้กับร้านของเราแล้ว ยังทำให้รสชาติของปลาหมึกมีความอร่อยที่ลงตัวถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราได้อีกค่ะ สำหรับคนที่สนใจและชื่นชอบการทำอาหารยังสามารถทำขายเฉพาะน้ำจิ้มปลาหมึกให้กับร้านอาหารประเภทปิ้งย่างเป็นการหารายได้เพิ่มหรือเป็นรายได้เสริมทำที่บ้านได้อีกทางหนึ่ง สูตรน้ําจิ้มปลาหมึกย่าง วิธีทําน้ําจิ้มปลาหมึกย่างสูตรใส่ถั่วตัด “น้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัด” เป็นน้ำจิ้มสูตรเด็ดอีกหนึ่งสูตรที่ผู้เขียนนำมาฝากในวันนี้ ซึ่งก่อนนั้นเคยนำสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดมาแนะนำให้ทำขายเป็นรายได้เสริมทำที่บ้านมาแล้ว ส่วนน้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัดมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรเรามาดูกันเลยค่ะ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัด ส่วนผสม 1.พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆสีเขียว30 กรัม 2.พริกขี้หนูสวนเม็ดสีแดง 10 เม็ด 3.รากผักชี 3 ราก 4.กระเทียมแกะเปลือก 20 กลีบ 5.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ 6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 7.ถั่วตัด 2 แผ่น 8.ผงปรุงรส วิธีทำน้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัด 1.บุบถั่วตัดหรือจะใส่ครกโขลกเบาๆพอแตกแล้วพักไว้ 2.ล้างรากผักชี กระเทียม และพริกขี้หนู จากนั้นนำไปโขลกให้ละเอียด 3.ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และผงปรุงรส(หากไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่) 4.ขั้นตอนสุดท้ายใส่ถั่วตัดลงไป ชิมรสตามชอบ เคล็ดลับความอร่อย 1.การเลือกใช้พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆจะทำให้เผ็ดและมีกลิ่นหอมมากกว่าพริกขี้หนูทั่วไป 2.หากใช้พริกสีเขียวเพียงอย่างเดียวน้ำจิ้มจะมีสีเขียวเมื่อปรุงรสหรือเติมน้ำปลาแล้วสีอาจคล้ำไม่สวย ควรเลือกพริกแดงผสม 3.เมื่อปรุงรสต้องใส่น้ำปลาก่อนน้ำมะนาวเสมอเพื่อให้น้ำจิ้มสีสวยไม่คล้ำคล้ายสีน้ำปลา