รับถักเสื้อโครเชต์รายได้เสริมหลังเลิกงานโดยที่เราไม่ต้องลงทุน
เสื้อถักโครเชต์สวยๆรายได้เสริมหลังเลิกงาน การหารายได้เสริมหลังเลิกงาน ของมนุษย์เงินเดือนหรือคนที่มีรายได้ประจำสิ่งสำคัญก็คือต้องเลือกงานที่เหมาะกับเวลาว่างของตนเองเช่นเวลาว่างหลังเลิกงานหรือเวลาว่างในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สำหรับงานที่นำมาทำเพื่อให้มีรายได้เสริมหลังเลิกงานนั้นเป็นปัญหาของใครหลายๆคนเพราะไม่กล้าลงทุนและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี หากคุณเป็นคนที่ชอบงานฝีมือและมีความสามารถในการถักโครเชต์ผู้เขียนแนะนำให้ถักเสื้อโครเชต์เป็นรายได้เสริมค่ะ รับถักเสื้อโครเชต์รายได้เสริมหลังเลิกงานโดยที่เราไม่ต้องลงทุน เสื้อถักโครเชต์สวยๆ เป็นชิ้นงานที่สามารถนำมาสร้างรายได้เสริมหลักเลิกงานได้ หากคุณมีอาชีพหลักหรือมีงานประจำอย่างเช่นขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด ก็สามารถถักเสื้อโครเชต์สวยๆออกแนวแฟชั่นแล้วนำมาแขวนขายได้ อาจตกแต่งให้มีความน่าสนใจโดยการสวมใส่ในหุ่นโชว์แล้วตกแต่งด้วยเครื่องประดับเช่นสร้อยคอเก๋ๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้แล้วและยังช่วยสร้างจุดขายทำให้สินค้าหรือเสื้อผ้าแฟชั่นในร้านมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น เสื้อถักโครเชต์นอกจากถักเป็นชิ้นงานสำเร็จเพื่อวางขายแล้วยังรับถักตามออเดอร์หรือตามแพทเทิร์นที่ลูกค้าต้องการได้ การหารายได้พิเศษรูปแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน เพราะส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่ต้องการจ้างมักจะนำด้ายหรือไหมพรมพร้อมแพทเทิร์นแบบเสื้อที่ต้องการมาให้ถักโดยที่เราไม่ต้องลงทุน สำหรับการรับจ้างถักเสื้อโครเชต์หรือถักเสื้อโครเชต์สวยๆหารายได้เสริมหลังเลิกงาน สิ่งสำคัญก็คือต้องศึกษาเรียนรู้สัญลักษณ์และอักษรย่อในการถักโครเชต์ซึ่งมีทั้งอักษรย่อการถักโครเชต์ที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะการถักตามแบบหรือถักตามแพทเทิร์นจำเป็นที่จะต้องทราบความหมายและวิธีถักของอักษรย่อแต่ละตัวเป็นอย่างดี
เรื่องราวของพี่บุ้งถักไหมด้วยใจรักได้มากกว่าสร้างรายได้เสริม
งานโครเชต์ ถักไหมด้วยใจรักได้มากกว่าสร้างรายได้เสริม “ถักไหมด้วยใจรัก” คืองานพิเศษที่ผู้เขียนกำลังจะพูดถึงค่ะ งานถักไหมพรมหรือถักโครเชต์ที่ใครๆนิยมทำเป็นงานอดิเรกเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์หรือถักโครเชต์เพื่อช่วยผ่อนคลายความเหงา และเป็นการทำงานฆ่าเวลาไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มต้นจากความรักความชื่นชอบเป็นส่วนตัวทำเพราะมีใจรักไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้เสริมหรือผลตอบแทนใดๆ แรงบันดาลใจจากพี่บุ้งถักไหมด้วยใจรัก ผู้เขียนมีโอกาสได้รู้จักกับ “พี่บุ้ง” เจ้าของสโกแกนถักไหมด้วยใจรักที่โพสไว้บนไทม์ไลน์ใน Face Book ของเธอซึ่งสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของพี่บุ้งได้ดี เพราะเป็นคนที่รักและชื่นชอบงานถักโครเชาต์มาตั้งแต่เด็กๆ พี่บุ้งเล่าว่าความที่เธอเป็นคนชอบงานฝีมือโดยเฉพาะงานถักโครเชต์หรือไหมพรม ก็มักจะถักโครเชต์แจกให้กับเพื่อนหรือมอบให้เพื่อนในโอกาสต่างๆเป็นประจำ พี่บุ้งบอกว่า “งานของพี่แต่ละชิ้นจะมีหนึ่งเดียวในโลก” ถึงแม้จะเป็นงานแบบเดียวกันแพทเทิร์นเดียวกันแต่งานทุกชิ้นที่ถักจะออกมาไม่เหมือนกัน เรื่องราวของพี่บุ้งเป็นต้นแบบหรือตัวอย่างที่ดีของคนที่นำความรู้ความสามารถและความรักความชื่นชอบส่วนตัวมาทำเป็นงานพิเศษเพื่อให้มีรายได้เสริม เป็นการสร้างมูลค่าให้กับงานที่ตนเองสนใจ พี่บุ้งนำผลงานการถักไหมพรมของเธอจดทะเบียนเป็นสินค้าโอทอป หรือผลิตภัณฑ์ชุมชนของอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีแต่ยังไม่ได้เลือกผลิตภัณฑ์ไปคัดสรรเนื่องจากต้องคัดผลิตภัณฑ์หรืองานถักโครเชต์ที่มีความสวยงามโดดเด่นเพียงประเภทเดียวจากทั้งหมดที่ได้ลงทะเบียนไว้ทำให้พี่บุ้งตัดสินใจเลือกไม่ถูกเพราะงานทุกชิ้นเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ที่ได้ออกแบบและดัดแปลงแบบจากแพทเทิร์นพื้นฐาน ทำให้งานถักโครเชต์ทุกชิ้นออกมาสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปัจจุบันพี่บุ้งนำผลงานการถักโครเชต์ทุกประเภทออกจำหน่ายตามงานแสดงสินค้าของหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆภายในจังหวัดราชบุรี และจำหน่ายควบคู่ไปกับสินค้าซึ่งเป็นเสื้อผ้าเด็กตามตลาดนัดต่างๆภายในอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี สำหรับคนที่กำลังมองหางานพิเศษหรือต้องการมีรายได้เสริมแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
ทำแคบหมูขายหารายได้เสริมหลังเลิกงาน
ทำแคบหมูขายหารายได้เสริมหลังเลิกงาน การทำแคบหมูเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างหนึ่งที่ต้องการแปรรูปและถนอมอาหาร แต่ปัจจุบันการทำแคบหมูกลายเป็นธุรกิจที่สามารถทำเป็นอาชีพหลักหรือทำเพื่อหารายได้เสริมหลังเลิกงานได้ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าทำให้หนังหมูมีราคาสูงขึ้น เพราะหนังหมูเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำแคบหมูสำหรับคนที่สนใจและต้องการทำแคบหมูขายเป็นการหารายเสริมหลังเลิกงาน วันนี้ผู้เขียนมีวิธีทำแคบหมูมาฝากค่ะ ส่วนประกอบและวิธีทำแคบหมู เดิมแคบหมูเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่นิยมทานเป็นเครื่องเคียงคู่กับน้ำพริกหนุ่ม แคบหมูมี 2 ชนิดคือแบบที่มีมันติดซึ่งเป็นสูตรของทางภาคเหนือและแบบที่ไม่มีมันนิยมทานคู่กับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหรือก๋วยเตี๋ยวเรือ การทำแคบหมูในวันนี้เป็นสูตรของทางภาคเหนือค่ะคือเป็นแคบหมูติดมันมีวิธีและขั้นตอนการทำดังนี้ ส่วนประกอบและวิธีทำแคบหมู ส่วนประกอบ 1.หนังหมูซื้อจากร้านขายเนื้อหมูทั่วไป 3 กก 2.เกลือป่น 3 ช้อนโต๊ะ 3.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ 4.เครื่องปรุงรส 1 ช้อนชา วิธีทำแคบหมู 1.ทำความสะอาดหนังหมูโดยใช้มีดโกนขูดขนและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับหนังออกให้หมด 2.จากนั้นนำน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้น้ำเดือด(หรือจะต้มในกระทะก็ได้) 3.นำหนังหมูที่ทำความสะอาดไว้แล้วลงต้มจนสุก ตักขึ้นพักไว้ 4.หั่นหนังหมูให้มีขนาดกว้าง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 3-4 นิ้ว แล้วหมักหนังหมูด้วยเกลือป่น ซีอิ้วขาวและผงปรุงรสคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที 5.นำหนังหมูที่หมักไว้ตากแดดประมาณ 5-6 ชั่วโมง 6.จากนั้นนำหนังหมูมาทอดในน้ำมันร้อนๆใช้ไฟกลาง การใส่หนังหมูลงไปทอดไม่ควรใส่มากเกินไปเพราะหนังหมูที่ทอดจะพองตัวเบียดกัน 7.สูตรนี้เป็นการทำทานภายในครอบครัวหากต้องการทำขายหารายได้เสริมหลังเลิกงานให้เพิ่มปริมาณหนังหมูและส่วนผสมไปตามอัตราส่วน
งานถักโครเชต์งานอดิเรกที่น่าสนใจทำเพื่อหารายได้เสริม
งานถักโครเชต์งานอดิเรกที่น่าสนใจทำเพื่อหารายได้เสริม โครเชต์ งานฝีมือที่เชื่อว่าผู้หญิงเกือบจะทุกคนรู้จักและเคยทำมาบ้างแล้ว เพราะเป็นงานฝีมือที่มีหลายรูปแบบงานถักโครเชต์บางอย่างเรียนรู้และทำได้ง่ายคนส่วนใหญ่นิยมทำเป็นงานอดิเรกมากกว่าทำเพื่อหารายได้เสริม อุปกรณ์หลักๆของงานถักโครเชต์มีเพียงเข็มถักและด้ายหรือไหมพรมขนาดต่างๆที่สามารถเลือกใช้ให้กับเหมาะกับงานแต่ละประเภทแต่ละชนิด และยังเป็นงานฝีมือที่คนเลือกทำเพราะมีความรักและชื่นชอบเป็นส่วนตัวไม่เน้นทำเพื่อให้มีรายได้เสริม ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่ชื่นชอบงานฝีมือเหล่านี้ไม่สนใจประวัติความเป็นมาของงานถักโครเชต์ว่ามีความเป็นมาอย่างไร สำหรับคนที่สนใจวันนี้ผู้เขียนมีเกร็ดความรู้มาฝากค่ะ ประวัติความเป็นมาของงานถักโครเชต์ งานถักโครเชต์คืองานหัตถกรรมที่อาศัยทักษะฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างชิ้นซึ่งในอดีตไม่ได้เน้นการถักเพื่อเป็นอาชีพหรือหารายได้เสริม แต่ทำเพื่อใช้สอยเป็นหลักคำว่า “โครเชต์” มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่าตะขอ ซึ่งหมายถึงเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำของหรูหราใช้ในชีวิตประจำวัน งานถักโครเชต์เริ่มขึ้นที่ไอร์แลนด์เมื่อเกือบ 200 กว่าปีมาแล้ว ในช่วงทศวรรษ 1820 โดยมาดมัวแซล รีเอโก ลา บลองชาแดร์ ที่ค้นพบว่าการนำอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยของชาวไอริชมาถักลายลูกไม้แบบสเปนจะทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นจึงได้เรียนรู้และทดลองถักเป็นเวลาถึง 5 ปี จนทำให้เธอออกหนังสือลายถักโครเชต์แต่ไม่ได้รับการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายทำให้ชื่อเสียงของเธอไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่การตีพิมพ์หนังสือของเธอก็ทำให้มีศูนย์ถักโครเชต์อยู่ทั่วประเทศ เมื่อปี 1845 เริ่มมีการสอนถักโครเชต์ในโรงเรียน งานถักโครเชต์เริ่มแพร่หลายเมื่อมีการนำไปสอนแม่บ้านที่ยากจนเพื่อถักโครเชต์เป็นอาชีพและนำผลงานไปขายและยังได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากภรรยาของวุฒิสมาชิกซึ่งเธอมีบทบาทคอยช่วยเหลือคนยากจนโดยการเปิดอุตสาหกรรมโครเชต์จนทำให้กิจการรุ่งเรืองมีการส่งสินค้าไปขายยังลอนดอน ปารีส เวียนนา และอเมริกาใน ปี 1893
วิธีทําน้ําจิ้มปลาหมึกย่างรสเด็ดหารายได้เสริมทำที่บ้าน
น้ําจิ้มปลาหมึกย่างรสเด็ดหารายได้เสริมทำที่บ้าน ความอร่อยของอาหารประเภทปิ้งย่างปลาหมึกปิ้งย่างนอกจากเรื่องของการการปิ้งย่างแล้ว น้ำจิ้มสูตรเด็ดก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้อาหารเหล่านี้มีความอร่อยน่าทานยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ขายปลาหมึกปิ้งย่างเป็นการหารายได้เสริมทำที่บ้านอยู่แล้วคงมีสูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ดเป็นของตนเอง แต่หากเพิ่มน้ำจิ้มสูตรใหม่ๆเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกทานมากขึ้นนอกจากจะเป็นการสร้างจุดขายให้กับร้านของเราแล้ว ยังทำให้รสชาติของปลาหมึกมีความอร่อยที่ลงตัวถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราได้อีกค่ะ สำหรับคนที่สนใจและชื่นชอบการทำอาหารยังสามารถทำขายเฉพาะน้ำจิ้มปลาหมึกให้กับร้านอาหารประเภทปิ้งย่างเป็นการหารายได้เพิ่มหรือเป็นรายได้เสริมทำที่บ้านได้อีกทางหนึ่ง สูตรน้ําจิ้มปลาหมึกย่าง วิธีทําน้ําจิ้มปลาหมึกย่างสูตรใส่ถั่วตัด “น้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัด” เป็นน้ำจิ้มสูตรเด็ดอีกหนึ่งสูตรที่ผู้เขียนนำมาฝากในวันนี้ ซึ่งก่อนนั้นเคยนำสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดมาแนะนำให้ทำขายเป็นรายได้เสริมทำที่บ้านมาแล้ว ส่วนน้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัดมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรเรามาดูกันเลยค่ะ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัด ส่วนผสม 1.พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆสีเขียว30 กรัม 2.พริกขี้หนูสวนเม็ดสีแดง 10 เม็ด 3.รากผักชี 3 ราก 4.กระเทียมแกะเปลือก 20 กลีบ 5.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ 6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 7.ถั่วตัด 2 แผ่น 8.ผงปรุงรส วิธีทำน้ำจิ้มปลาหมึกสูตรใส่ถั่วตัด 1.บุบถั่วตัดหรือจะใส่ครกโขลกเบาๆพอแตกแล้วพักไว้ 2.ล้างรากผักชี กระเทียม และพริกขี้หนู จากนั้นนำไปโขลกให้ละเอียด 3.ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และผงปรุงรส(หากไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่) 4.ขั้นตอนสุดท้ายใส่ถั่วตัดลงไป ชิมรสตามชอบ เคล็ดลับความอร่อย 1.การเลือกใช้พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆจะทำให้เผ็ดและมีกลิ่นหอมมากกว่าพริกขี้หนูทั่วไป 2.หากใช้พริกสีเขียวเพียงอย่างเดียวน้ำจิ้มจะมีสีเขียวเมื่อปรุงรสหรือเติมน้ำปลาแล้วสีอาจคล้ำไม่สวย ควรเลือกพริกแดงผสม 3.เมื่อปรุงรสต้องใส่น้ำปลาก่อนน้ำมะนาวเสมอเพื่อให้น้ำจิ้มสีสวยไม่คล้ำคล้ายสีน้ำปลา