ทำขนมไทยโบราณขาย หารายได้เสริมทำที่บ้าน หารายได้เสริมทำที่บ้านวันนี้เป็นเรื่องของขนมดอกจอก ขนมไทยโบราณที่นอกจากกรอบอร่อยแล้วยังเป็นขนมที่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นขนมไทย คือมีความประณีต รูปทรงสวยงามน่าทานแต่ปัจจุบันหาทานยาก ขนมดอกจอกมีส่วนผสมและวิธีการทำง่ายๆและใช้เงินลงทุนไม่มากสำหรับคนที่ต้องหารายได้เสริมทำที่บ้านเพียงอ่านสูตรส่วนผสมและทำตามขั้นตอนก็สามารถทำขายได้แล้ว สูตรส่วนผสมและวิธีทำขนมดอกจอก ส่วนผสม 1.แป้งสาลี 300 กรัม 2.แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม 3.แป้งมัน 120 กรัม 4.กะทิ 100 กรัม 5.ไข่แดง 2 ฟอง 6.งาดำ 30 กรัม 7.น้ำมันพืชสำหรับผสมแป้ง 120 กรัม 8.น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ลิตร 9.เกลือป่น ½ ช้อนชา 10.น้ำปูนใส 500 กรัม 11.น้ำตาลทราย 300 กรัม อุปกรณ์สำหรับทำขนมดอกจอก 1.พิมพ์ขนม 1-2 อัน 2.ถ้วยกลมๆ 1 ใบ วิธีทำขนมดอกจอก 1.น้ำแป้งทั้ง 3 ชนิดมาร่อนรวมกัน 1 ครั้ง 2.ผสมน้ำตาลทราย กะทิ ไข่แดง เกลือป่น และน้ำปูนใสกับแป้งที่ร่อนไว้คนส่วนผสมให้เข้ากัน 3.ใส่น้ำมันพืชและงาดำ ลงไปในแป้งและส่วนผสม 4.ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอน้ำมันเริ่มร้อนให้แช่พิมพ์ลงในน้ำมัน 5.เมื่อพิมพ์เริ่มร้อนให้ยกขึ้นแล้ววางบนกระดาษซับมัน ก่อนนำลงไปจุ่มในแป้ง ลักษณะการจุ่มพิมพ์ลงในกระทะให้จุ่มลงไปประมาณ ¾ของพิมพ์ 6.พอแป้งเริ่มเหลืองให้กดพิมพ์ลงไปที่ก้นกระทะ เขย่าพิมพ์เบาๆเพื่อให้แป้งกับพิมพ์หลุดออกจากกันแล้วทอดต่อจนแป้งเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน 7.ตักขนมขึ้นจากน้ำมันแล้ววางลงบนก้นถ้วย เพื่อให้ขนมมีลักษณะบานสวย รอจนสะเด็ดน้ำมันและหายร้อน บรรจุใส่ภาชนะหรือถุงปิดปากให้สนิทเพื่อไม่ให้ถูกลม

ทำขนมหวานขนมใส่ไส้ขายหารายได้เสริม ขนมหวานของไทยส่วนใหญ่มีกรรมวิธีในการทำที่ละเอียดอ่อนหลายขั้นตอนและนิยมนำวัสดุจากธรรมชาติมาใช้ห่อหรือเย็บเป็นกระทงสำหรับใส่ตัวขนมซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของขนมไทยที่นอกจากมีรสชาติที่หวานหอมอร่อยแล้วยังมีความประณีตสวยงาม “ขนมใส่ไส้” เป็นขนมไทย อีกชนิดหนึ่งที่นับวันจะหาทานได้ยาก สำหรับคนที่ต้องการมีรายได้เสริม ทำขนมไทยๆอย่างเช่น ขนมใส่ไส้ฝากขายตามร้านอาหารเป็นการหารายได้เสริมที่น่าสนใจค่ะ ขนมใส่ไส้เป็นขนมหวานของไทยที่มีวิธีการทำหลายขั้นตอน แต่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สำหรับคนที่สนใจสามารถเรียนรู้จากสูตรแล้วนำไปทำขายหารายได้เสริมหรือทำเป็นอาชีพหลักได้ไม่ยาก ซึ่งสูตรและวิธีการทำมีรายละเอียด ดังนี้ สูตรส่วนผสมและวิธีทำขนมใส่ไส้ ส่วนผสม 1.แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง 2.แป้งข้าวเหนียว 4 ถ้วยตวง 3.มะพร้าวขูด 1500 กรัม 4.น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง 5.เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ 6.ใบตองสำหรับห่อ ฉีกเป็นแผ่นๆให้มีขนาดเท่ากัน 7.ทางมะพร้าวสำหรับคาด 8.เข็มกลัด หรือแม็ค 9.น้ำเปล่าหรือน้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย วิธีทำไส้ขนม 1.เคี่ยวน้ำตาลทราบกับน้ำเปล่า 3 ถ้วยตวงจนน้ำตาลละลายและเริ่มเหนียวเป็นยางมะตูม 2.ใส่มะพร้าวขูด 1000 กรัมลงไปในน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ กวนให้เข้ากันจนเหนียว แล้วยกลงพักให้เย็น 3.นำไส้ขนมที่ได้มาปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดหัวแม่มือทำจนหมดไส้แล้วพักไว้ วิธีทำหน้าขนม 1.นำมะพร้าวที่เหลือมาคั้นให้ได้น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง ผสมกับแป้งและเกลือป่นคนส่วนผสมให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน 2.แล้วนำไปตั้งไฟกวนจนเริ่มข้นไม่ต้องรอให้แป้งสุกแล้วยกลงพักไว้ วิธีทำแป้งขนมใส่ไส้ 1.นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำจนแป้งนิ่มและเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน 2.แบ่งแป้งเป็นก้อนๆ ให้ใหญ่กว่าไส้ขนมที่ปั้นไว้ นำแป้งมาแผ่ออก เอาไส้ที่ปั้นไว้วางลงตรงกลางห่อแป้งให้มิด 3.จากนั้นนำมาวางลงบนใบตองที่ฉีกไว้ ตักหน้าขนมราดบนก้อนแป้งประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ 4.ห่อใบตองคาดด้วยทางมะพร้าวแล้วกลัดด้วยไม้กลัดหรือใช้ลูกแม็คแทนไม้กลัด 5.นำไปเรียงในลังถึงนึ่งด้วยไฟแรงพอสุกยกลง

ทำอาหารขายหารายได้เสริมเมนูหมูทอดกระเทียม “หมูทอดกระเทียมพริกไทย” เมนูอร่อยง่ายๆไม่ว่าจะสั่งเป็นอาหารจานด่วนอย่างเช่น หมูทอดกระเทียมพริกไทยราดข้าว ทำเป็นข้าวกล่องขายหารายได้เสริมหรือจะเลือกสั่งเป็นกับข้าวขึ้นโต๊ะอาหารทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวร้อนๆ เชื่อว่าเป็นเมนูที่ทำให้เจริญอาหารได้อย่างแน่นอนค่ะ สำหรับสูตรการทำหมูทอดกระเทียมพริกไทยถึงแม้จะเป็นเมนูอาหารง่ายๆแต่วิธีการทำและเคล็ดลับความอร่อยนั้นมีหลากหลายสูตร หากทำขายหารายได้เสริมนอกจากความอร่อยแล้วรูปร่างหน้าตาอาหารก็มีส่วนสำคัญที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ สูตรและวิธีทำหมูทอดกระเทียมพริกไทย สำหรับสูตรการทำหมูทอดกระเทียมพริกไทยส่วนผสมหรือเครื่องปรุงหลักๆในการทำแต่ละสูตรไม่แตกต่างกันแต่การทำหมูทอดกระเทียมพริกไทยให้อร่อยและน่าทานขึ้นอยู่กับเคล็ดลับความอร่อยของแต่ละสูตรเพราะนอกจากเครื่องปรุงแล้วขั้นตอนในการทอดหมูก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้หมูทอดกระเทียมพริกไทยมีความอร่อยและน่าทานยิ่งขึ้นโดยเฉพาะคนที่ต้องการหารายได้เสริมจากการขายข้าวกล่องหรือขายข้าวเหนียวหมูทอด ซึ่งสูตรและเคล็ดลับความอร่อยในการทำหมูทอดกระเทียมพริกไทยที่ผู้เขียนนำมาฝากมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ สูตรและวิธีทำหมูทอดกระเทียมพริกไทย เครื่องปรุง 1.เนื้อหมูสันนอก 300 กรัม 2.รากผักชี 3-4 ราก 3.พริกไทยเม็ด 15 เม็ด 4.กระเทียม 8 กลีบ 6.ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ 7.น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา 8.น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำหมูทอดกระเทียมพริกไทย 1.ล้างเนื้อหมูให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ 2.โขลกรากผักชี พริกไทยและกระเทียม 3 กลีบให้ละเอียดแล้วนำไปหมักกับเนื้อหมูที่หั่นไว้ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที 3.นำกระเทียม 5 กลีบที่เหลือมาซอยแล้วสับหยาบๆ จากนั้นนำไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองแล้วตักพักไว้ 4.นำหมูที่หมักไว้ลงทอดในน้ำมันมันที่เหลือจนสุก พักให้สะเด็ดน้ำมันจัดใส่จานโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวพร้อมเสิร์ฟ เคล็ดลับความอร่อยหมูทอดกระเทียมพริกไทย 1.เพื่อให้ได้เนื้อหมูที่นุ่มควรทุบเนื้อหมูเบาๆเพื่อให้กล้ามเนื้อหมูคลายตัวซึ่งนอกจากจะทำให้ได้เนื้อหมูนุ่มแล้วยังช่วยให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อได้ง่าย 2.การซอยกระเทียมแล้วสับหยาบๆจะทำให้ได้กระเทียมเจียวเป็นชิ้นเล็กๆดูสวยงามน่าทาน 3.ไม่ควรใช้ไฟแรงหรืออ่อนเกินไปในการทอดเพราะจะทำให้เนื้อหมูแห้งหรือแข็งกระด้างอมน้ำมัน ควรทอดด้วยไฟกลางและไม่ทอดนานจนเกินไป

ทำเมนูอาหารสุขภาพขายหารายได้เสริม การหารายได้เสริมวันนี้eveleighmarket.comยังนำเสนอบทความเกี่ยวกับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอีกเช่นเคยค่ะ บทความก่อนๆเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนประกอบหลักๆเป็นพืชผักสมุนไพร แต่วันนี้เราเปลี่ยนเมนูที่ทำจากผักมาทานปลากันดีกว่า “ปลารากกล้วยทอดกระเทียม” เป็นเมนูเด็ดที่นอกจากจะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว วิธีการทอดปลารากกล้วยให้น่าทานยังเป็นเคล็ดลับที่สามารถนำไปหารายได้เสริม เช่นรับทำอาหาร หรือรับเป็นพ่อครัวแม่ครัวให้กับร้านอาหารต่างๆในช่วงหลังเลิกงานได้อีกด้วยนะคะ วิธีทำปลารากกล้วยทอดกระเทียม ปลารากกล้วยเป็นปลาน้ำจืด ลักษณะลำตัวเล็กยาวขนาดตั้งแต่ 5-14 เซนติเมตร ตัวเล็กสุดจะมีขนาดเท่าปลาซิวส่วนตัวใหญ่จะมีขนาดเท่ากับปลาหลด แต่ขนาดของปลารากกล้วยที่คนนิยมทานจะเป็นขนาดเล็กเมนูยอดนิยมก็คือปลารากกล้วยทอดกระเทียม ซึ่งมีวิธีทำง่ายๆ ดังนี้ วิธีทำปลารากกล้วยทอดกระเทียม เครื่องปรุง 1.ปลารากกล้วย 500 กรัม 2.กระเทียมกลีบใหญ่ 15 กลีบ 3.พริกไทยป่น 2 ช้อนชา 4.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ 5.เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ 6.น้ำมันพืชสำหรับทอด 7.ซอสพริก วิธีทำปลารากกล้วยทอดกรอบ 1.นำปลารากกล้วยมาล้างให้สะอาด แล้วคลุกเคล้ากับพริกไทยป่น ซีอิ้วขาว และเกลือป่น หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที 2.ระหว่างหมักปลา นำกระเทียมมาซอยบางๆแล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆแล้วนำไปเจียวให้เหลืองแล้วพักไว้ 3.ใส่น้ำมันลงในกระทะนำไปตั้งไฟให้ร้อน โดยใช้ไฟกลางเมื่อน้ำมันร้อนที่ได้ใส่ปลารากกล้วยลงไปทอดจนเหลืองกรอบ ตักพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน 4.จัดจานให้สวยงามนำปลารากกล้วยใส่ในจานโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว พร้อมเสิร์ฟ เคล็ดลับความอร่อย 1.การทอดปลารากกล้วยต้องใช้ไฟกลาง จะทำให้ได้ปลาที่เหลืองกรอบอร่อย หากใช้ไฟอ่อนในการทอดเนื้อปลาจะแข็งไม่อร่อย 2.การซอยกระเทียมแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเมื่อนำไปทอดแล้วใช้โรยบนตัวปลาจะทำให้มีความสวยงามและน่าทานยิ่งขึ้น

ปูม้านึ่งอีกหนึ่งเมนูน่าทำขายหารายได้เสริม อาหารทะเลนั้นมีมากมายหลายประเภท แต่เมนูหนึ่งที่คนนิยมทานก็คือ “ปูม้านึ่ง” ที่นำมาทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดซึ่ง eveleighmarket.com เคยนำบทความเกี่ยวกับสูตรการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด มาแนะนำให้กับคนที่ต้องการหารายได้เสริมจากการขายอาหารทะเลประเภทปิ้งย่างไปแล้วสำหรับวันนี้เราก็มีเคล็ดลับการนึ่งปูม้าให้มีเนื้อที่หวานอร่อยมาแนะนำ จะนำไปนึ่งทานเองหรือนึ่งขายหารายได้เสริมก็เป็นการหารายได้พิเศษที่น่าสนใจนะคะ วิธีเลือกปูม้าใหม่สดรสอร่อย การนึ่งปูม้าให้มีเนื้อที่หวานอร่อยมีขั้นตอนง่ายๆไม่ยุ่งยากคะ แต่ก่อนที่จะรู้เคล็ดลับการนึ่งปูม้า ผู้เขียนมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับปูม้าและวิธีเลือกปูม้ามาแนะนำ เพราะการเลือกซื้อปูก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราได้ปูม้าที่สดและมีเนื้อแน่นโดยเฉพาะคนที่ต้องการนึ่งปูม้าขายหารายได้เสริม ปูม้าที่อร่อยจะต้องเป็นปูที่มีเนื้อแน่นและปูที่เนื้อแน่นจะเป็นปูข้างแรมหรือช่วงเดือนมืดโดยธรรมชาติของปูจะลอกคาบในช่วงเดือนมืดเพราะปลอดภัยจากศัตรู สาเหตุที่ปูมีเนื้อแน่นเพราะก่อนที่จะลอกคาบต้องกินอาหารให้ร่างกายสมบูรณ์เสียก่อน การเลือกปูที่ยังเป็นอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ปูที่สดอร่อยนะคะ เพราะอาจนำมาขังไว้หลายวันทำให้ปูผอมเนื้อในไม่แน่น วิธีเลือกปูสดใหม่ควรเลือกปูที่มีลักษณะยังแข็งแรงที่ปากปูจะพ่นน้ำเป็นฟองออกมาตลอดเวลา วิธีนึ่งปูม้า วิธีนึ่งปูม้าให้มีเนื้อที่หวานอร่อย เมื่อเลือกซื้อปูม้ามาแล้วก่อนนำไปนึ่งให้ใช้น้ำราดไปที่ตัวปูหลายๆครั้งเพื่อล้างสิ่งสกปรกออก จากนั้นนำภาชนะที่ใช้นึ่งใส่น้ำตั้งไฟให้น้ำเดือดก่อน พอน้ำเริ่มเดือดหงายท้องปูวางเรียงในภาชนะ แล้วนำไปนึ่งประมาณ 8-10 นาที ก็จะได้ปูนึ่งที่เนื้อหวานอร่อยค่ะ