ทำข้าวตังทำขายเพื่อหารายได้พิเศษ ข้าวตังหน้าตั้งอาหารว่างของไทยที่มีมาแต่โบราณปัจจุบันหาทานยากทำให้คนรุ่นใหม่ๆไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคยกับเมนูอาหารว่างโบราณชนิดนี้ซึ่งส่วนใหญ่จะหาทานได้ตามร้านอาหารหรือภัตตาคาร เพราะนิยมนำมาเป็นเสิร์ฟเป็นออเดิฟก่อนที่จะถึงเมนูอาหารหลัก ข้าวตังหน้าตั้งเป็นเมนูอาหารว่างที่เหมาะสำหรับทำขายเพื่อหารายได้พิเศษเพราะมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากนอกจากทำขายแล้วยังรับทำเป็นอาหารว่างหรือออเดิฟในงานเลี้ยงสังสรรค์หรืองานประชุมสัมมนาต่างๆทำให้มีรายได้พิเศษเพิ่มขึ้น สำหรับคนที่สนใจวันนี้eveleighmarket.com มีสูตรและวิธีทำพร้อมความเป็นมาของข้าวตังหน้าตั้งเมนูอาหารว่างโบราณของไทยมาฝากอีกเช่นเคยค่ะ ส่วนผสมและวิธีทำข้าวตังหน้าตั้ง ข้าวตังหน้าตั้งเป็นของว่างหรือของทานเล่นในสมัยโบราณที่ทำจากข้าวตังซึ่งคนสมัยก่อนจะใช้วิธีหุงข้าวด้วยถ่านหรือไม้ฝืนซึ่งกรรมวิธีในการหุงข้าวเมื่อข้าวสุกก็จะทำให้มีข้าวติดเป็นแผ่นบางๆอยู่ที่ก้นหม้อหรือเกิดจากการนำข้าวเหนียวมาทำเป็นแผ่นบางๆจากนั้นนำไปตากแดดก่อนนำมาทอดในน้ำมันทานคู่กับหน้าตั้ง การทำขายเพื่อหารายได้พิเศษมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยากดังนี้ ส่วนผสมและวิธีทำข้าวตังหน้าตั้ง ส่วนผสม 1.ข้าวตังทอดแผ่นเล็กๆพอดีคำ 20 แผ่น 2.เนื้อหมูหรือเนื้อไก่สับละเอียด 100 กรัม 3.เนื้อกุ้งสับละเอียด 100 กรัม 4.หัวกะทิ 1 ถ้วย 5.กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ 6.รากผักชีซอยละเอียด 5 ราก 7.พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา 8.หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ 9.ถั่วลิสงคั่วบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ 10.น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ 11.น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ 12.เกลือป่น ½ ช้อนชา 13.ผักชีเด็ดใบ 1 ต้น 14.พริกชี้ฟ้าแดงหั่น 15.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำข้าวตังหน้าตั้ง 1.โขลกรากผักชี พริกไทยเม็ด กระเทียมจนละเอียดแล้วพักไว้ 2.ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปใช้ไฟกลางรอจนน้ำมันร้อนนำเครื่องปรุงที่โขลกรวมกันไว้ลงไปผัดจนมีกลิ่นหอม 3.แบ่งหัวกะทิใส่ลงไปในกระทะที่ผัดเครื่องปรุงไว้เคี่ยวกะทิเล็กน้อยไม่ต้องรอให้แตกมัน ใส่เนื้อหมูหรือไก่และเนื้อกุ้งสับละเอียดลงไปผัดพอสุก 4.ใส่หอมแดงซอย ถั่วลิสงป่นลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียกชิมรสตามชอบเติมกะทิที่เหลือรอจนเดือดอีกครั้งแล้วปิดไฟ 5.ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยใบผักชีและพริกชี้ฟ้าแดงเสิร์ฟคู่กับข้าวตัง

ทำหมูเค็มขายหารายได้พิเศษ สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่หารายได้พิเศษโดยการทำอาหารขาย เช่นทำแกงถุง ขายข้าวกล่องหรือขายข้าวเหนียวหมูทอดในช่วงวันหยุดหรือทำขายในตอนเช้าๆก่อนออกไปทำงานนอกจากจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว การหารายได้พิเศษด้วยวิธีนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายประหยัดค่ากับข้าวของคนในครอบครัวได้ด้วย วันนี้ eveleighmarket.comก็มีวิธีทำหมูเค็มมาเป็นเมนูแนะนำอีกเช่นเคยค่ะ วิธีทำหมูเค็มสูตรการทำหมูเค็ม หมูเค็มเป็นเมนูที่ทำได้หลากหลายวิธี เช่นทำเป็นหมูเค็มแดดเดียว หมูเค็มทอดแห้ง หรือหมูเค็มที่เคี่ยวไฟอ่อนๆแบบมีน้ำขลุกขลิกเหมาะสำหรับทานคู่กับข้าวต้มกุ๊ยหรือข้าวสวยร้อนๆและยังเป็นเมนูที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการหารายได้พิเศษเพราะสามารถเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้นานหลายวัน วิธีทำมีรายละเอียดง่ายๆดังนี้ เครื่องปรุงและวิธีทำหมูเค็ม (แบบมีน้ำขลุกขลิก) เครื่องปรุง 1.เนื้อหมูสันนอก 300 กรัม 2.รากผักชี 3 ราก 3.กระเทียมแกะเปลือก 5 กลีบ 4.พริกไทยป่น 1 ช้อนชา 5.น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ 6.เกลือป่น 1 ช้อนชา 7.ซีอิ้วขาว ½ ช้อนโต๊ะ 8.ซีอิ้วดำ ½ ช้อนชา 9.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา 10.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 11.น้ำสะอาด 1 ถ้วย 12.น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำหมูเค็ม 1.ล้างเนื้อหมูให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นๆตามต้องการ การหั่นควรมีความหนาเล็กน้อยเพราะเมื่อนำไปเคี่ยวจนสุกเนื้อหมูจะหดตัวเล็กน้อย 2.จากนั้นนำหมูที่หั่นมาหมักด้วยรากผักชีและกระเทียมโขลกละเอียดปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น พริกไทย ซีอิ้วขาว น้ำปลา คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อหมูแล้วนำเข้าตู้เย็นหมักไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง 3.นำกระทะขึ้นตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไป รอให้น้ำมันร้อนนำหมูที่หมักไว้ลงไปผัดใช้ไฟแรงปานกลาง เมื่อเนื้อหมูเริ่มสุกเติมน้ำเปล่าลงไปรอให้น้ำเดือดลดไฟลงเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ 4.รอจนน้ำที่เคี่ยวหมูเริ่มแห้งชิมรสสามารถเพิ่มเครื่องปรุงได้ตามชอบ ก่อนปิดไฟให้ใส่ซีอิ้วดำลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งสี 5.เวลาเสิร์ฟตักใส่จานโรยหน้าด้วยผักชีทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวต้มกุ๊ยร้อนๆ หรือจะทานคู่กับข้าวเหนียวก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ

ทำต้มยำปลาหมึกน้ำขึ้นขายหารายได้พิเศษ “ต้มยำ” เมนูอาหารไทยขึ้นชื่อที่นอกจากคนไทยจะนิยมทำทานกันแล้วยังเป็นเมนูอาหารไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักและยังชื่นชอบอีกด้วย สำหรับคนที่เปิดร้านขายอาหารหรือทำกับข้าวทำแกงถุงขายหารายได้พิเศษ ต้มยำปลาหมึก อาจเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขายดีซึ่งสูตรและวิธีทำต้มยำหลักๆแล้วมี 2 สูตรคือต้มยำน้ำข้นและต้มยำน้ำใส ส่วนรสชาติความอร่อยของทั้งสองสูตรไม่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบของคนทาน ต้มยำปลาหมึกสูตรน้ำข้นก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับทำขายหารายได้พิเศษ สูตรวิธีทำต้มยำปลาหมึกน้ำข้นเคล็ดลับความอร่อย ต้มยำปลาหมึกสูตรน้ำข้นอาจแตกต่างจากสูตรน้ำใสเพราะมีรสชาติที่กลมกล่อมไม่เปรี้ยวจี๊ดจ้านเผ็ดหรือเค็มจนเกินไปเหมาะกับชาวต่างชาติและคนที่ไม่ชอบทานรสจัด สำหรับคนที่สนใจจะนำไปทำขายหารายได้พิเศษ วันนี้ผู้เขียนมีวิธีทำพร้อมเคล็ดลับความอร่อยมาฝากทุกคนอีกเช่นเคย เราไปดูสูตรและวิธีทำพร้อมๆกันเลยค่ะ วิธีทำต้มยำปลาหมึกน้ำข้น ส่วนประกอบ 1.ปลาหมึกล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นตามต้องการ 300 กรัม 2.เห็ดฝาง 15 ดอก (ดอกเล็กเกลาส่วนโคนให้เกลี้ยงใส่ได้ทั้งดอกส่วนดอกใหญ่ให้ผ่าครึ่ง) 3.น้ำซุป 3 ถ้วย 4.ข่าหั่นเป็นแว่น 5 แว่น 5.ตะไคร้ทุบตัดเป็นท่อนๆ 2 ต้น 6.หัวหอม 5 หัว 7.รากผักชี 3 ราก 8.ใบมะกรูด 3 ใบ 9.ผักชี 1 ต้น 10.พริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ 11.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 12.น้ำมะนาว 3-4 ช้อนโต๊ะ 13.นมข้นจืด 1/3 ถ้วย 14.พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด วิธีทำต้มยำปลาหมึกน้ำข้น 1.นำน้ำซุปใส่ในหม้อแล้วนำไปตั้งไฟให้เดือด ใส่หัวหอม ข่า ตะไคร้ และรากผักชีพอเดือดอีกครั้ง ใส่เห็ดฝางลงไป 2.ผสมนมข้นจืดกับพริกเผาละลายไม่ให้พริกเผาเป็นก้อนปรุงด้วยน้ำปลาจากนั้นเติมส่วนผสมลงไปในหม้อน้ำซุปขณะที่น้ำซุปกำลังเดือด 3.เร่งไฟ รอจนน้ำซุปเดือดแรงๆใส่ปลาหมึก และใบมะกรูดรอจนเนื้อปลาหมึกสุกยกลงจากเตา

ทำหมูหวานขายหารายได้พิเศษ สำหรับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารขายเพื่อหารายได้พิเศษวันนี้eveleighmarket.com มีวิธีทำหมูหวานมาแนะนำค่ะ “หมูหวาน” เมนูอาหารจานโปรดของเด็กและใครๆอีกหลายคน ที่เป็นได้ทั้งกับข้าวทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆทานกับข้าวเหนียวหรือเป็นเครื่องเคียงคู่กับข้าวคลุกกะปิและยังเป็นเมนูอาหารที่เหมาะสำหรับทานคู่กับอาหารรสจัดเพราะช่วยแก้เผ็ดได้ดี ข้าวคลุกกะปิก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่นิยมทำขายหารายได้พิเศษที่ต้องมีหมูหวานเป็นเครื่องเคียงเสมอ สูตรหมูหวานวิธีทำเคล็ดลับความอร่อย วิธีทำหมูหวานมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก แต่เป็นเมนูที่ต้องมีความละเอียดประณีตในการทำเพื่อให้ได้หมูหวานที่รสชาติกลมกล่อมไม่หวานจนเกินไปเนื้อหมูนิ่มอร่อยไม่แข็งนอกจากทำทานแล้วยังเหมาะสำหรับทำขายคู่กับอาหารรสจัดเป็นการหารายได้พิเศษที่น่าสนใจ สำหรับสูตรและวิธีทำมีรายละเอียดดังนี้ ส่วนประกอบและสูตรหมูหวาน ส่วนประกอบ 1.หมูสามชั้น 500 กรัม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆขนาดพอคำ 2.น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ 3.น้ำเปล่า ½ ถ้วย 4.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ 5.น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม 6.ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ 7.หอมแดงซอย 10 หัว 8.ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา วิธีทำหมูหวาน 1.เทน้ำมันพืชในกระทะนำขึ้นตั้งไฟ รอจนน้ำมันร้อนใส่หอมซอยลงไปเจียวจนเหลืองแล้วตักขึ้นพักไว้ 2.นำหมูสามชั้นที่หั่นไว้ลงไปผัดในน้ำมันที่ใช้เจียวหอมพอสุกแล้วปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว ซอสถั่วเหลือง แต่งสีด้วยซีอิ้วดำผัดจนส่วนผสมเข้ากัน 3.เติมน้ำเปล่าลงไปเพื่อเคี่ยวหมู ใช้ไฟกลางเคี่ยวประมาณ 10-15 นาทีหรือรอจนน้ำเริ่มแห้ง 4.ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป รอจนน้ำตาลละลายผัดให้เข้ากันแล้วปิดไฟ 5.ตักใส่จานเสิร์ฟคู่กับพริกน้ำปลาบีบมะนาวเล็กน้อย หรือทานเป็นเครื่องเคียงคู่กับข้าวคลุกกะปิ

น้ำพริกหนุ่มทำขายหารายได้พิเศษ น้ำพริกเป็นเมนูอาหารหลักที่ต้องมีอยู่ในมื้ออาหารของคนไทยเป็นประจำส่วนใหญ่จะมีรสเผ็ดทำให้ต้องทานคู่กับเครื่องเคียงอย่างเช่นผักต่างๆการปรุงน้ำพริกมีหลายสูตรในแต่ละท้องถิ่นแต่ละภาคก็จะมีวิธีการปรุงที่แตกต่างกันเช่นน้ำพริกหนุ่มเมนูอาหารของทางภาคเหนือ ที่นอกจากจะนิยมทานกันในท้องถิ่นแล้วก็ยังเป็นน้ำพริกที่คนส่วนใหญ่รู้จักและนิยมทานกันมาก จนมีการนำมาทำขายเป็นการหารายได้พิเศษหรือทำเป็นงานพิเศษอยู่ทั่วทุกภาค สำหรับคนที่สนใจอยากได้สูตรและวิธีทำน้ำพริกหนุ่มเพื่อทำขายหารายได้พิเศษ หรือทำไว้ทานภายในครอบครัว วันนี้ผู้เขียนมีสูตรและวิธีทำมาฝากค่ะ สูตรและส่วนผสมน้ำพริกหนุ่มวิธีทำน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกหนุ่มมีหลายสูตรแต่ก็มีวิธีทำและส่วนผสมหลักๆ คล้ายกันขึ้นอยู่กับความชอบและความนิยมของแต่ละท้องถิ่น โดยทั่วไปสูตรการทำน้ำพริกหนุ่มมี 3 สูตร คือ สูตรใส่ถั่วเน่า สูตรใส่ปลาร้า และสูตรที่ไม่ใส่ทั้งถั่วเน่าและปลาร้าซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ทานปลาร้าหรือไม่ชอบกลิ่นของถั่วเน่าสำหรับคนที่จะนำสูตรไปทำขายเพื่อหารายได้พิเศษผู้เขียนแนะนำให้ทำสูตรที่3 คือไม่ใส่ทั้งถั่วเน่าและปลาร้าเพื่อให้ลูกค้าสามารถทานได้ทุกคน สูตรและขั้นตอนการปรุงเป็นอย่างไรเรามาดูกันเลยค่ะ สูตรและส่วนผสมน้ำพริกหนุ่ม เครื่องปรุง 1.พริกหนุ่ม 10 เม็ด 2.กระเทียม 3 หัว 3.หัวหอม 7 หัว 4.เกลือป่น ½ ช้อนชา วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม 1.นำพริกหนุ่ม กระเทียม หัวหอม ไปเผาไฟอ่อนๆจนสุกแล้วปอกเปลือกออกให้หมด 2.โขลกพริกหนุ่ม กระเทียม หัวหอมพอหยาบๆปรุงรสด้วยเกลือป่น 3.ทานกับข้าวสวยร้อนๆหรือข้าวเหนียว คู่กับผักเคียงหรือแคบหมู เคล็ดลับความอร่อย 1.พริกที่ใช้ต้องเป็นพริกหนุ่ม (พันธุ์พริก) เพราะจะได้พริกที่ไม่เผ็ดมากหากใช้พริกหยวกหรือพริกชี้ฟ้าเวลานำไปเผาจะปอกเปลือกได้ยากกว่า และรสชาติของพริกหยวกก็จะเผ็ดน้อยต่างจากพริกชี้ฟ้าก็ที่มีรสเผ็ดมากเกินไป 2.เวลาเผาพริก กระเทียม หรือหัวหอม ต้องใช้ไฟอ่อนๆและไม่เผาไหม้จนเกินไปเพราะจะทำให้สีของน้ำพริกไม่เขียวสวย